9.1 ความหมายของความรู้และการจัดการความรู้
แก่นแท้ในระบบผู้เชี่ยวชาญ
(Expert Systems) องค์กรแห่งการเรียนรู้และนวัตกรรม
ล้วนเกิดจากแนวคิดการจัดการความรู้ทั้งสิ้น ในขณะเดียวกัน
ความสำเร็จของผู้บริหารก็ล้วนมาจากการใช้ความรู้เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรให้เกิดคุณค่า
อย่างไรก็ตาม การจัดการความรู้มิใช่สิ่งใหม่แต่อย่างใด และถึงแม้ว่าองค์กรจะมีความรู้ต่างๆ
จำนวนมากมาย
แต่หากมิได้นำความรู้ที่มีอยู่จัดเก็บไว้อย่างมีระบบย่อมไม่มั่นใจได้ว่า
ความรู้เหล่านั้นจะสามารถูกนำไปแบ่งปันหรือเผยแพร่ใช้งาน
เพื่อนำไปสู่การก่อประโยชน์สูงสุดให้แก่องค์กรได้
ความรู้
(Knowledge)คือบทสรุปของความเข้าใจที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ซึ่งกว่าจะเกิดเป็นความรู้ขึ้นมาได้
จำเป็นต้องได้รับการค้นหา
พิสูจน์ความจริง
หรือทดลองมาแล้ว
ความรู้ความสามารถูกตั้งเป็นกฎขึ้นมาเพื่อนำไปใช้กำหนดเป็นขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ความรู้ทำให้เราเชื่อในสิ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง มีเหตุมีผล
ดังนั้นความรู้จึงสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาและนำมาประกอบการตัดสินใจได้
การจัดการความรู้
(Knowledge Management)เป็นการนำความรู้ที่อยู่กระจัดกระจาย
ไม่เป็นระเบียบ (ความรู้ทั้งหลายเหล่านั้น
อาจฝังอยู่ทั่วไปภายในองค์กรหรือแม้แต่ตัวพนักงานเอง) มาจัดการอย่างมีระบบ
นำไปสู่เป้าหมายและพัฒนาเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ต่อไป
ความรู้ถือเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำขององค์กร
ที่ปกติมักอยู่เคียงข้างคู่กับองค์กรในรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้างอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างเช่น
-
การนำความรู้มาช่วยแก้ไขปัญหาย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามมา
-
การมีความรู้อยู่ในตัว ย่อมทำให้เกิดการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างรวดเร็ว
-
การนำความรู้มาใช้เพื่อการวางแผนเชิงกลยุทธ์
-
การนำความรู้มาใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สำหรับในบริบททางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้จะมีความหมายที่แตกต่างไปจากข้อมูลและสารสนเทศมาก โดยที่ข้อมูล (Data)
เป็นการรวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลดิบ และข้อเท็จจริงต่างๆ
จากการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว หรือกำลังจะเกิดขึ้น ส่วน สารสนเทศ (Information)
เป็นการนำข้อมูลมาผ่านการประมวลผล หรือคำนวณทางสถิติ
เพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่สามารถนำมาสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารในช่วงเวลาหนึ่งๆ
ได้ ในขณะที่ความรู้ (Knowledge) ก็คือสารสนเทศ
ซึ่งอาจเป็นบทสรุปของความเข้าใจตามหัวข้อนั้นๆ
ที่มีความสอดคล้องและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ตัวอย่างเช่น
- รถยนต์คันนี้เติมน้ำมันได้สูงสุด 55
ลิตร
สิ่งเหล่านี้ถือเป็น “ข้อมูล”
- การขับรถลงเนินเขา โดยเฉพาะเขาที่มีความชันสูง ไม่ควรใช้เกียร์ว่าง
เพราะจะทำให้รถวิ่งแล่นด้วยความเร็วสูงตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งอันตรายมาก ดังนั้นวิธีการขับรถลงเนินเขาที่ถูกต้อง จึงควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อให้เกิดแรงฉุดจากเครื่องยนต์
ป้องกันการเลี้ยงเบรกที่ส่งผลต่อผ้าเบรกใหม่ได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็น “ความรู้”
ที่นักขับทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น